วิธีการใช้ McKinsey 7S model ในการตลาด
McKinsey 7S model ใช้ในการตรวจสอบความสามารถทางการตลาดขององค์กรจากมุมมองที่แตกต่างกัน พัฒนาโดย Tom Peters และ Robert Waterman ระหว่างดำรงตำแหน่งที่ McKinsey & Company ในปี 1970
McKinsey 7S model สามารถใช้เพื่อ
- ทบทวนประสิทธิภาพขององค์กรในการดำเนินงานด้านการตลาด
- กำหนดวิธีปรับองค์กรให้ดีที่สุด เพื่อรองรับทิศทางกลยุทธ์ใหม่
- ประเมินการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงแบบดิจิทัลขององค์กร
McKinsey 7S model มีอะไรบ้าง
- Strategy : คำจำกัดความของวิธีการสำหรับองค์กรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
- Structure : ทรัพยากรภายในบริษัท ในกลุ่มธุรกิจ และทีมต่างๆ
- Systems : กระบวนการทางธุรกิจ และแพลตฟอร์มทางเทคนิคที่ใช้ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน
- Staff : ประเภทของพนักงาน ชุดค่าตอบแทน และวิธีดึงดูดและรักษาไว้
- Skills : ความสามารถในการทำกิจกรรมที่แตกต่าง
- Style : วัฒนธรรมขององค์กรในแง่ของความเป็นผู้นำ และการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างพนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ
- Shared Values : สรุปในวิสัยทัศน์และหรือภารกิจ นี่คือวิธีที่องค์กรกำหนดแนวทางสำหรับองค์กร
Hard elements : Strategy, Structure, Systems
Hard elements สามารถกำหนดได้ง่ายและมีอิทธิพลโดยตรง เป็นองค์ประกอบที่จับต้องได้ เช่น เอกสาร กลยุทธ์ และคำแถลงพันธกิจที่บริษัทใช้เพื่อแจ้งการตัดสินใจ นอกจากนี้ยังมีแผนภูมิองค์กรที่แสดงโครงสร้างธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างทำงานได้อย่างราบรื่น
Hard elements จะตอบคำถาม ‘อะไร’ เกี่ยวกับธุรกิจ
- Strategy : กลยุทธ์การขับเคลื่อนของบริษัทคืออะไร?
- Structure : มีทีมอะไรบ้าง?
- Systems : ระบบที่เป็นทางการใดบ้างที่รับประกันความก้าวหน้าในการทำงาน
Soft elements : Staff, Skills, Style, Shared Values
Soft elements เป็นคุณสมบัติที่จับต้องได้น้อยกว่าที่บริษัทแสดงผ่านการทำงาน ประกอบด้วย Staff, Skills, Style, Shared Values ที่วิวัฒนาการมาจากความร่วมมือกับทีมที่แตกต่างกัน
Soft elements ตอบคำถาม ‘ใคร’ และ ‘อย่างไร’ ที่เกี่ยวกับธุรกิจ
- Staff : ใครคือพนักงานของบริษัท?
- Skills : คนงานเหล่านี้มีทักษะเพียงใด?
- Style : ผู้นำองค์กรสร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อนร่วมงานของพวกเขาได้อย่างไร?
- Shared Values : บริษัทจะแสดงค่านิยมหลักอย่างไร?
จะใช้ McKinsey 7S model ได้อย่างไร
- Strategy
คิดเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้บริษัทของคุณแตกต่างจากคู่แข่ง คุณควรมีความคิดที่ชัดเจนว่าลูกค้าคือใคร และคุณจะตอบสนองความต้องการ / แก้ปัญหา / ช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างไร
- Structure
บริษัทของคุณแบ่งเป็นระดับองค์กรอย่างไร มีทีมอะไรบ้างมีหน้าที่รับผิดชอบอะไรบ้าง คุณอาจพบว่าเมื่อธุรกิจของคุณเติบโตคุณต้องขยายโครงสร้าง เพื่อจัดการความสามารถที่เกิดขึ้นใหม่
- Systems
กระบวนการ ขั้นตอน และระบบข้อมูลที่สนับสนุนธุรกิจ ผู้มีอำนาจในระบบขององค์กรต้องมีความชัดเจน และระบบเทคนิคต้องได้รับการจัดการและบำรุงรักษาอย่างเรียบร้อย เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานของทีมงาน
- Staff
รายละเอียดของพนักงานในแง่ของประวัติ อายุ เพศ และลักษณะ ประเมินทีมที่คุณมีอยู่ และดูว่าพวกเขามีการดำเนินงานในขีดความสามารถที่เหมาะสมหรือไม่ สามารถช่วยในการเติบโตทางอาชีพได้หรือไม่
- Skills
ความสามารถโดยรวมของทีม และชุดทักษะเฉพาะของสมาชิกในทีม คุณควรรู้ว่าสมาชิกในทีมมีความสามารถหลักใดบ้าง รวมถึงคุณลักษณะที่อาจขยายการนำเสนอของแผนก
- Style
วิธีการที่ปฏิบัติในการบรรลุเป้าหมายขององค์กร และสไตล์วัฒนธรรมขององค์กรโดยรวม ผู้บริหารที่มีความคิดริเริ่มและเป็นประโยชน์ต่อเป้าหมายขององค์กร โดยใช้ทรัพยากรภายใน เช่น เวลา งบประมาณ
- Shared Values
แนวคิดเรื่องแนวทางขององค์กรควรจะปรากฏให้เห็นผ่านงานภายนอก และวัฒนธรรมภายในขององค์กร การละเลยค่านิยมทำให้บริษัทของคุณอาจตกอยู่ในความเสี่ยงในการแข่งขัน และพนักงานอาจไม่รู้สึกผูกพันกับบทบาทของตนเอง นำไปสู่การลดประสิทธิภาพการทำงาน
เกาะติดข่าวสารการตลาดออนไลน์ เทคนิคการโปรโมทโฆษณา
แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @inDigital ที่นี่
Fanpage : INdigital การตลาดออนไลน์
เว็บไซต์ : www.indigital.co.th
ที่มา : smartinsights